‘เสี่ยเฮ้ง’ อ้อนผู้ใช้แรงงาน ป้อน 5 นโยบายพัฒนาฝีมือช่วงโควิด

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่งสารถึงผู้ใช้แรงงาน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณผู้ใช้แรงงานที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้แก่เศรษฐกิจและสังคมมาโดยตลอด และขออวยพรให้ผู้ใช้แรงงานมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ปลอดภัยจากโรคโควิด-19

ส่วนนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน ที่กระทรวงแรงงานจะดำเนินการนั้น มีอยู่ด้วยกัน 5 ด้าน คือ

1) ด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน พัฒนาทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดย Up-Skills & RE-Skills และ New-Skills โดยเน้นอาชีพใหม่ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย คือ  การจัดฝึกอบรมหลักสูตรออนไลน์เพื่อแรงงานทั้งในและนอกระบบ เช่น ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เทคนิคการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนาทักษะฝีมือลูกจ้างในสถานประกอบการ

2) ด้านการหางานให้ทำ จัดหาตำแหน่งงานว่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันมีตำแหน่งงานว่างจำนวนกว่า 200,000 อัตรา รวมทั้งสนับสนุนการจ้างงานในพื้นที่เพื่อรักษาสภาพการจ้าง พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการสมัครงาน โดยพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้สามารถเชื่อมโยงระหว่างนายจ้าง แรงงาน และสถาบันฝึกอบรมได้อย่างง่าย สะดวก รวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังจะเพิ่มทักษะแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ โดยอบรมให้ความรู้ก่อนเดินทาง เช่น ทักษะด้านภาษา เทคโนโลยี กฎหมาย วัฒนธรรมความเป็นอยู่แต่ละประเทศ ฯลฯ เป็นต้น

3) ด้านสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานหลังเกษียณ ภายใต้โครงการ ‘แรงงานพันธุ์ดี’ โดยจะนำร่องในสถานประกอบการเพื่อเป็นต้นแบบ จำนวน 9 แห่ง เพื่อให้แรงงานที่เตรียมตัวจะเกษียณสามารถนำความรู้ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้ต่อยอดในการประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้และเลี้ยงดูตนเองหลังเกษียณ

ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยการพิจารณากฎหมายของกระทรวงแรงงานทุกฉบับไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน และแก้ไขปรับปรุงสาระสำคัญให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ด้านแรงงานที่เป็นปัจจุบัน แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานเพื่อมุ่งสู่เทียร์ 1 โดยกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสถานประกอบการอย่างเคร่งครัด

บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้นายจ้างใช้แรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย ไม่ใช้แรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับ ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ โดยให้การดูแล คุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนาด้านอาชีพ โดยการปรับปรุงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำงานที่บ้านให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบในทุกกลุ่มอาชีพ ดูแลและคุ้มครองแรงงานกลุ่มเปราะบาง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม) ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาด้านการประกอบอาชีพ หางานที่เหมาะสมให้ทำ และสร้างหลักประกันทางสังคม

4) ด้านการสร้างหลักประกันทางสังคม ตรวจโควิด-19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตน ตามโครงการแรงงาน…เราสู้ไปด้วยกัน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และ สปสช. ดำเนินการตรวจโควิด-19 ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ชลบุรี เชียงใหม่ และสมุทรปราการ ซึ่งจะดำเนินการจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลาย

เร่งจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินเยียวยาสำหรับนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในช่วงที่การแพร่ระบาดยังไม่คลี่คลาย ปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการในการรักษาการจ้างงานในวงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ให้คงสภาพการจ้างงาน จัดตั้งสถาบันการแพทย์เพื่อผู้ใช้แรงงาน เป็นโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานประกันสังคม เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม

5) ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อบริการด้านแรงงาน ปรับปรุงระบบฐานข้อมูลด้านแรงงานให้มีประสิทธิภาพ โดยการสร้าง Big Data ด้านแรงงานให้ครอบคลุมทุกภารกิจและสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบให้บริการแก่แรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ

โดยพัฒนาระบบ Line official account ชื่อ ‘น้องสิทธิ’ เพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสาร สอบถามสิทธิประโยชน์ต่างๆ สามารถดาวน์โหลดคู่มือสิทธิประโยชน์และข้อมูลพื้นฐานในประเทศที่ไปทำงาน เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ ชั่วโมงการทำงาน วันหยุด เป็นต้น “ผมขอให้กำลังใจพี่น้องผู้ใช้แรงงานก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน เราจะมุ่งขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและดูแลแรงงานดุจคนในครอบครัว เพื่อพัฒนาแรงงานให้มีศักยภาพสูง มีความมั่นคง สามารถดำรงชีพได้อย่างยั่งยืนต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *