สภาฯ เริ่มอภิปรายงบฯ ปี ’65 วันนี้ ตั้งเป้า GDP ที่ 4.5% ฝากความหวังรายได้จาก ‘ส่งออก-ท่องเที่ยว’
*****31 พ.ค.2564 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ตั้งแต่เวลา 09.30 น.เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ไปจนถึงวันที่ 2 มิ.ย.2564
*****นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กำหนดให้ระยะเวลาในการอภิปรายไว้รวม 44 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลฝ่ายละ 22 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาของประธานสภาฯ อีก 3 ชั่วโมง 30 นาที)
*****ส่วนมาตรการดูแลป้องกันโควิด-19 ในระหว่างการประชุมสภาฯ นั้น นายชวน กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย แต่หากสมาชิกใดต้องใช้เวลาอภิปรายนานแล้วทำให้อึดอัดในการสวมหน้ากาก ก็ได้จัดเตรียมพื้นที่เฉพาะสำหรับการอภิปราย เพื่อความสะดวกและปลอดภัย
*****อย่างไรก็ตาม หาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ส่งถึงสภาฯ ก็จะบรรจุเข้าสู่วาระทันที แต่คงต้องพิจารณาหลังจากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2564 แล้วเสร็จก่อน
*****ทั้งนี้รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตั้งกรอบวงเงินงบประมาณปี 2565 ไว้ที่ 3,100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.87% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยลดลงจากงบฯ ปี 2564 เท่ากับ 185,962.5 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 5.66% โดยประมาณการรายได้ปีงบฯ 2565 ไว้ที่ 2,400,000 ล้านบาท และกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 700,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.04% ของจีดีพี
*****ส่วนงบฯ กลางปี 2565 กำหนดไว้ที่ 571,047.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 18.4% ของงบประมาณรวม
*****การจัดทำงบประมาณของรัฐบาล อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัว 4-5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ภาคต่างประเทศ ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก
*****ส่วนอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และภาคท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังการเดินทางระหว่างประเทศเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ภายใต้เงื่อนไขการคิดค้นวัคซีนสำเร็จ และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกในช่วงปลายปีนี้
*****สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2565 มีแนวโน้ม ‘อยู่ในเกณฑ์ดี’ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วง 0.7-1.7% ดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลประมาณ 5.3% ของจีดีพี ตามการฟื้นตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยว